วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

8 คำถามต้องห้ามของจีน ในกีฬาโอลิมปิค 2008(จากมติชน)

หมาดๆ..ทางการจีนก็ออกคำแนะนำอีก เพื่อให้การสนทนาระหว่างชาวจีนกับชาวต่างชาติเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุดหูจนอาจทำให้บรรยากาศกร่อยนั่นคือ "8 คำถามต้องห้าม" ที่ไม่ควรถามนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย-อย่าถามเรื่องรายได้หรือการใช้จ่าย-อย่าถามอายุ-อย่าถามว่าแต่งงานหรือยัง หรือความรักเป็นอย่างไรบ้าง-อย่าถามเกี่ยวกับสุขภาพ-อย่าถามถึงประสบการณ์ส่วนตัว-อย่าถามที่อยู่-อย่าถามว่าทำอะไร -อย่าถามว่านับถือศาสนาอะไร หรือมีมุมมองทางการเมืองอย่างไรออก "8 คำถามต้องห้าม" ปุ๊บ เรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นให้ชาวจีนไม่น้อยได้วิพากษ์วิจารณ์ทันที

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ทำอย่างไรถ้าเป็นหนี้ คัดลอกจากมติชน

คำ แนะนำนี้อาจใช้ได้สำหรับหลายคน แต่มีอีกหลายคนไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้ามุ่งประเด็นที่ "ใจ" ของเรา อยู่อย่างใจสงบ อิสระจากการถูกมัดจากเรื่องภายนอก คิดว่าทุกอย่างที่เป็นเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้

1.มอง โลกในแง่ดีให้มาก คิดว่าการที่ติดหนี้สิน เพื่อการพัฒนา พิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการเงิน แต่ก็ห้ามคิดว่าพัฒนามากเกินไปจนกลายเป็นฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักพอ ที่แย่คือคิดเอาเงินในอนาคตมาใช้ โดยไม่รู้จักบริหารจัดการให้ดี อย่างนี้ก็เป็นหนี้หัวโต

2.อย่าเป็นคนรักษาหน้ามาก บางคนมองการเป็นหนี้คนอื่น เป็นการบอกว่าเราด้อย ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สมบัติ ทนไม่ได้ที่ต้องเป็นหนี้ ก็เลยไม่กล้าลงทุนทำอะไร หรือยอมไปหาเงินมาจากที่อื่นๆ ที่ไม่เหมาะสมแทน เช่น เล่นการพนัน เสี่ยงโชค ยอมขายตัวขายศักดิ์ศรีแลกเงิน แย่กว่าการเป็นหนี้สถาบันการเงินเสียอีก

3.มองว่าการมีหนี้ก็เพื่อ การฝึกควบคุมตนเองและฝึกการบริหารจัดการเรื่องเงินเรื่องทองให้ได้ ถ้าทำได้ ฝ่าฟันได้จะเป็นผู้มีประสบการณ์แกร่งขึ้น

4.บอกตัวเอง เสมอว่าคนที่เครียดควรเป็นเจ้าหนี้ อย่ามองเพียงแค่ว่าเจ้าหนี้มีความสุขจากการได้ดอกเบี้ยเงินกู้อย่างเดียว มีเจ้าหนี้จำนวนมากก็ขาดทุนไปไม่น้อย ซึ่งควรจะช่วยกันทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย อย่าเอาเปรียบกันดีที่สุด

5. เผื่อใจสำหรับการใช้หนี้ไม่ได้ อาจต้องยอมขายหรือเสียอะไรบางอย่างบ้าง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ อย่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบยึดติดกับวัตถุมากเกินไป เงินทองของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่าไปปักใจอยู่กับคุณค่าของวัตถุมากเกินไป เพราะคุณค่าที่เกิดขึ้นเกิดจากใจของเราต่างหากที่ไปสร้างเงื่อนไขทางความ คิดตัวเอง

6.ผู้ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ขายชดใช้หนี้ อย่าลืม "ทรัพย์สินทางปัญญา" ต้องพยายามหาออกมาใช้ให้มากที่สุดเชื่อว่าไม่มีทรัพย์ใดจะมีค่ามากไปกว่า ปัญญาของเราเอง

7.คิดหาทางเลือกอื่นๆ ไว้เมื่อหนี้มีปัญหา อย่าคิดสั้นๆ อย่าลืมว่าปัญหามักจะมีทางออกสำหรับผู้ที่ฝึกคิดเสมอ

8.การ เป็นหนี้ในแง่ดีคือว่าคุณยังเป็นคนที่มีเครดิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าขอใครแล้วเขาไม่ให้ยืมก็กลับมาทบทวนบอกตัวเองว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" อย่าไปหวังใครจะมาช่วยเรา ถ้าเรายังไม่เริ่มต้นคิดช่วยเหลือตนเอง

9.ฝึก ตนเองมุ่งมั่นในการทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดเรื่องการเป็นหนี้อยู่ในสมองให้มากนัก มีความรับผิดชอบต่อชีวิตและหนี้สิน เมื่อนั้นจะรู้สึกมีความสุขมาก และจะภูมิใจที่เราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบที่ดี ให้ชมตัวเองบ่อยๆได้

10.ถ้า โดนเจ้าหนี้ทวงอยู่เรื่อยๆ ใช้วิชาการเจรจาต่อรอง แสดงความจริงใจว่าจะผ่อนส่งให้ ถ้าเขาอยากได้มากกว่าที่เราสามารถให้ได้ ก็ตอบไปตรงๆ ว่าไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น (แต่จะพยายามหามาให้) เพราะเขาเองก็กลัวจะไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้น หาข้อตกลงรอมชอมดีที่สุด อย่าเครียดไปก่อนเพราะกลัวว่าจะทนต่อการถูกทวงไม่ไหว อย่าลืมว่าเจ้าหนี้บางรายเป็นพวกจู้จี้จุกจิก ย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งควรเห็นใจเขา เพราะเงินของใคร ก็หวงห่วงเป็นธรรมดา

11.คนที่ ค่อนข้างเครียดคิดมากเรื่องการเป็นหนี้ ให้สำรวจตนเองว่าเป็นคนวิตกกังวลเกินไปหรือไม่ ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร เช่น ทำให้ขยันขึ้น ทำให้หมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับปัญหากันไหม ถ้าเป็นประเด็นหลังอาจต้องรับการบำบัดรักษาทางด้านสุขภาพจิตจะดีกว่า หากปล่อยไว้ ชีวิตจะค่อยๆ หมดพลังในการดำเนินชีวิตในที่สุด

ฝึกเด็กให้เป็นคนมีระเบียบวินัย จากข่าวสด

ฝึกเด็กให้เป็นคนมีระเบียบวินัย

ธรรมะใต้ธรรมาสน์

ไต้ ตามทาง



เด็ก บางคน...จดวิชาที่ตนเรียนอย่างเปะปะๆ ปนเปกันลงไปในสมุดเล่มโน้นนิด เล่มนี้หน่อย...ไม่มีระเบียบเสียเลย สมุดหนังสือก็ฉีกขาด สกปรกด้วยภาพเขียนประเภทต่างๆ เท่าที่มืออันซุกซนของตนจะเขียนลงไปได้ กลับบ้านก็วางเกะกะ หาไม่พบ ก็พาลรีพาลขวาง หาว่าคนนั้นคนนี้เอาของตนไป ตนทำผิดแต่ไม่รู้ว่าผิดเลย

เด็กแบบที่กล่าวมานี้เป็นเด็กขาดระเบียบ เขาได้ถูกปล่อยตัวให้เป็นคนไร้ระเบียบมาแต่เล็กๆ เมื่อโตขึ้นเขาก็เป็นคนรุ่มร่ามรุงรังเต็มที ถ้าทำงานที่ใดก็ทำอย่างลวกๆ เป็นคนสุกเอาเผากิน ทำงานไม่ก้าวหน้า ถึงเวลาควรทำงานไม่ทำ งานที่ควรทำก่อนกลับทำทีหลัง ครั้นถูกเร่งรัดเข้าก็ทำอย่างเร่งรีบ สำเร็จลงอย่างบกพร่องไม่เรียบร้อย ถ้าถูกดุถูกด่าก็หาว่าเคร่งครัดเกินไป คอยแต่ดุจนไม่มีเวลาหายใจ ตัวเป็นคนผิดแต่กลับไม่รู้สึก ขอท่านลองคิดดูบ้างเถิด

ถ้าหากว่าในวงงานใหญ่ๆ มีกิจการอย่างกว้างขวาง มีคนประ เภทนี้อยู่มาก งานนั้นจะลุล่วงไปได้หรือไม่ บ้านเมืองที่มีคนผู้ไม่มีระเบียบทางใจ แต่มีความอยากเป็นใหญ่เป็นโตเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนเข้ามาปกครองบ้าน เมือง บ้านเมืองก็ขาดความ เป็นระเบียบ ขาดความเที่ยงธรรม หน้าที่การงานก็เหลวไหล ความ เจริญของบ้านเมืองนั้นย่อมไม่เกิดจากบุคคลผู้ไร้ระเบียบอย่างนี้ ชาวต่างชาติมาเห็นเข้าก็จะดูหมิ่นว่าคนชาตินี้เป็นคนไร้ระเบียบ น่าขายหน้าเหลือเกิน!

ชาวไทยเราทั่วๆ ไป ขอโทษเถิดที่จะกล่าวว่ายังย่อหย่อน หรือไม่มีการอบรมตน อบรมลูกหลานให้เป็นคนมีระเบียบ บ้านเมือง ไทยจึงเต็มไปด้วยความสกปรกนานาประการ บางทีเราก็อาจจะไม่เกิดความรู้สึกในเรื่องนี้ เหมือนหนอนที่เกิดในสิ่งสกปรก ...ย่อมไม่รู้สึกรังเกียจต่อสิ่งสกปรก ฉันนั้น แต่ถ้าได้ไปเที่ยวในต่างประเทศที่มีระเบียบแล้ว กลับมาดูความเป็นไปในบ้านเมืองของเรา เราก็จะมองเห็นความไม่เป็นระเบียบในตัวเราได้อย่างชัดเจน บ้านของพวกเราอาจจะรกเกะกะ นึกจะวางอะไรที่ไหนก็วางได้ตามชอบใจ นึกจะกินตรงไหนก็กินอย่างพอใจ นึกจะแต่งอย่างไรก็แต่งตามชอบใจ แม้แต่มีเสื้อชั้นในตัวเดียวหรือชุดวันเกิดก็ยังออกไปเดินอวดกล้ามกลางถนน ได้ เห็นสุภาพสตรี บางคนนุ่งกางเกงทรงมาธาดอร์แบบนักผจญวัวในสเปนใช้ไปวัดก็มี แม้เราดูสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ในบ้านเรา ก็ยังขาดความเป็นระเบียบอยู่มาก

คน ไทยเราปกติชอบความมีเสรีภาพ ชอบทำอะไรตามแต่ใจชอบ ของตนเองเสมอ ใครๆ ก็ชอบเสรีภาพด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะการ อบรมเด็ก เรามักถือหลักว่า อย่าไปกักกันความเติบโตของความคิดทางสมองของเด็ก ปล่อยให้เขาได้มีเสรีในทางความคิดกันอย่าง เต็มที่ ข้าพเจ้าก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่มาคิดได้ว่าทุกอย่างมันต้องมีขอบเขต ถ้าไม่มีขอบเขตก็จะออกนอกวงไป...จะเสียในภายหลัง

ฉะนั้น จะต้องมีการจำกัดวงของเสรีภาพไว้บ้าง อย่าปล่อยกันจนกลายเป็นคนที่ไม่มีหลัก เพราะปกติใจของคนนั้นมีสภาพวิ่งไปอยู่ตลอดเวลา หากไม่มีการบังคับไว้บ้างแล้วก็คงไปกันมากจนอาจเสีย คนไปก็ได จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีระเบียบไว้กล่อมเกลาใจของคน ให้เคยชินกับการถูกกันไว้ในกรอบเสียบ้าง มิฉะนั้นเขาจะลำบากใจเมื่อเขาโตขึ้นและต้องอยู่ในระเบียบ เช่น กฎหมาย และขนบธรรมเนียมบางอย่าง เป็นต้น

ขอให้จำไว้ว่า...

ชีวิตที่ไม่มีระเบียบนั้นคือ

ชีวิตอันป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น

มนุษย์คือผู้มีใจสูงเพราะมีระเบียบวินัยรักษาไว้

คนดีทั้งหลายจึงมีระเบียบสำหรับตน

สำหรับครอบครัว สำหรับงาน

เป็นคนมีระเบียบอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ทหาร ที่เดินแถวอย่างพร้อมเพรียงมีระเบียบน่าชม ถ้าเดินเกะกะออกนอกทางก็ไม่น่าดูเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นขอพ่อแม่ที่รักลูกทั้งหลายอย่าได้ละเลยต่อการฝึกฝนลูกของท่าน ให้เป็นคนมีระเบียบเป็นอันขาด อนาคตของลูกของท่านจะดีงามอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของท่าน

นับ แต่ลูกของท่านพ้นจากท้องของแม่ ท่านต้องเริ่มฝึกระเบียบ ใหม่ให้แก่ชีวิตเขาทันที เช่น เริ่มให้เขารับประทานอาหารเป็นเวลา เมื่อโตขึ้นเข้าวัยของเด็กที่พอเล่นหัวได้แล้วก็ให้เล่นเป็นเวลา ในเรื่องการนอนต้องฝึกให้เขาเป็นคนมีระเบียบของการนอน คือ สอนให้นอนเป็นเวลา การพาเขาไปเดินเล่นเที่ยวเตร่นอกบ้านก็ต้องทำให้เป็นเวลา แต่งตัวเขาให้สะอาดและเหมาะสม เด็กขนาดอายุสี่ห้าขวบ ที่ได้รับการอบรมดีพอสมควรแล้วจะร้องไห้ดิ้นรนทันที ถ้าท่านมิได้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวให้เขาในขณะที่จะพาเขาไปนอกบ้าน

เด็ก ที่นั่งได้แล้วท่านควรสอนให้นั่งตัวตรง โดยท่านนั่งตัวตรง ให้เขาดูเป็นตัวอย่างเสมอ เวลาป้อนอาหารก็ควรมีผ้ากันเปื้อนผูกคอ มีผ้าเช็ดปาก ป้อนอาหารอย่าให้เลอะเทอะมูมมาม ถ้าเปื้อนต้องสอนให้เขาใช้ผ้าเช็ดปากเป็น ถ้าเขารับประทานอาหารได้เองแล้ว ต้องสอนให้ใช้ช้อนส้อมเป็น ให้กินอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ถ้ากินร่วมกันหลายคนต้องฝึกให้เขามีช้อนกลาง ใช้ช้อนกลางเป็น ให้เขาเข้าใจว่าช้อนที่เข้าปากแล้วเอาไปตักแกงเป็น สิ่งสกปรก การถ่ายอุจจาระก็ควรฝึกให้ถ่ายเป็นเวลา พอถึงเวลาก็บอกให้นั่งกระโถน เรื่องการกินเป็นเวลาอย่างใด เรื่องการถ่ายก็ต้องเป็นอย่างนั้น

ถ้า เขาไปโรงเรียนได้แล้ว โปรดเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ สอน ให้เขาเก็บเสื้อผ้า เครื่องเขียน ของเล่นของเขาให้เป็นระเบียบ ให้อ่านเขียนตามเวลา กวดขันให้ทำการบ้านให้เรียบร้อย สมุด หนังสือ ดินสอ ปากกา ของใช้ ต้องให้อยู่ในภาวะที่สะอาดและเรียบร้อยเสมอ และการไปโรงเรียนก็ต้องให้ไปตามเวลา กลับบ้านตามเวลา เล่นกีฬาเป็นเวลา กลับถึงบ้านต้องพบกับพ่อแม่ก่อน แล้วตรวจดูสิ่งของเสื้อผ้าว่าเรียบร้อยไหม บอกให้จัดเก็บให้เป็นที่เป็นทาง จึงให้อาบน้ำรับประทานของว่างเล็กน้อยก่อนอาหาร ท่านต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของท่าน ที่จะต้องตรวจตราดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เพราะความมีระเบียบของเด็กๆ นี่เองแหละ ที่จะสร้างความเป็นระเบียบในการเป็นผู้ใหญ่ต่อไป

คนไทยทั้งชาติจะมีระเบียบเรียบร้อยได้

ก็โดยพ่อแม่ทุกคน ได้ช่วยกันฝึกสอน

ให้เด็กมีระเบียบไปแต่เริ่มต้น

จึงขอฝากท่านพ่อแม่ไว้ด้วยเถิด

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แบบทดสอบ 30 ข้อที่บอกว่าคุณแก่แล้ว! จากมติชน

คำถาม 49 ข้อ ที่มี หากคุณอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วคุณรู้จักมักคุ้น เคยได้เห็น ได้สัมผัสกะสิ่งที่เรากล่าวขึ้นมาประมาณสัก 30 ข้อ... เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย....เพราะคุณแก่แล้ว

1 เคยไปเมโทร บิ๊กเบล ไดมารูราชดำริ
2 เคยเล่นถ้วยหมุนบนเซนทรัลชิดลม
3 เคยเล่นสวนสนุกบนมาบุญครอง
4 รู้จักแมคโดนัลที่แรกที่โซโก้
5 รู้ว่ามีฟู้ดคอร์ทที่แรกที่มาบุญครอง
6 ยังเรียกสถานที่ต่อไปนี้ว่า เวิลด์เทรด รีเจนท์ ฮิลตัน (โดยที่ไม่ยอมจำว่ามันเปลี่ยนเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ โฟร์ซีซั่น ราฟเฟิล ส่วนฮิลตันก็ไปเปิดใหม่ตรงแม่น้ำแล้ว)
7 เคยกินฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ซึ่งไม่มีแล้ว ทาโก้ ป๊อบอาย เวนดี้ โฮเบอร์เกอร์ เชคกี้ส์พิซซ่า
8 คิดว่า แฮปปี้แลนด์ แดนเนรมิต ถ้าไม่เคยไป เสียชาติเกิดเป็นที่สุด
9 เคยดูหนังแบบที่มันมีราคาตามผังที่นั่ง
10 เคยเล่นไอซ์บนเวิลด์เทรด
11 เคยรู้ว่า ค่าทางด่วนราคา 10 บาทแล้วเปลี่ยนเป็น 15 แล้วเป็น 30 จนถึง 40 ในตอนนี้
12 รู้ว่า ดอนเมืองมีแค่ 1 เทอร์มินัล
13 เคยเติมน้ำมันทีละ 200
14 เคยใช้ floppy disk แผ่นเท่าจาน
15 เคยใช้ คอมไม่มีเมาส์
16 เคยใส่แบรนด์ต่อไปนี้ NEXT, Dr.Martin, Banana Republic (เคยใส่กางเกงยีนส์สีต่างๆ ผู้หญิงเคยผูกโบว์ใหญ่เท่าผ้าสไบ ผู้ชายเคยห้อยกระดิ่งที่รองเท้า)
17 เคยมีเพจ ถ้าจะให้ดีต้องรุ่น advisor
18 รู้ว่า แต่ก่อนมือถือไม่มี 01 เบอร์บ้านไม่มี 02
19 รู้ว่าแต่ก่อนไม่มีชื่อถนนหรือชื่อย่าน แบบนี้...คือ รัชวิภา รัชโยธิน เลียบทางด่วน
20 เคยติด IBC แล้วเปลี่ยนเป็น UTV แล้วมันก็มารวมกันเป็น UBC
21 เคยดู เฮนเบะ บุนบู เมียมนิทานชีวิต แคสเปอร์ผีน้อย บาบ้าปาร์ป้า
22 เคยเรียนดรุณศึกษา หนูมาลีหนูมาลัย หรือมานะมานี
23 สอบเอ็นระบบเก่า วัดใจทีเดียวไม่มีลุ้น
24 ชอบของแถมที่มากับรองเท้าบาจา เช่นโจรสลัดที่อยู่ในถัง
25 คอนเสิร์ตไมเคิลแจ๊กสัน คอนเสิร์ต gun n roses คอนเสิร์ตบอนโจวี่ นีล่ะของชอบ
26 เคยมีเกมกดและพัฒนาเป็นนินเทนโด
27 เคยอ่านนิตยสาร ลลนา สตรีสาร สกุลไทย และรู้ว่าสตรีสารจะมีภาคพิเศษสำหรับเด็กด้วย ซึ่งมีการ์ตูนน่ารักๆ หลายเรื่อง เช่น ต๋อมจอมยุ่ง เจ้าขนฟู คนพิลึก
28 เกิดทันหนังสือเด็กแนวสมัยก่อน เช่น ปลื้ม ไปยาลใหญ่
29 ชอบกินไอติมโฟร์โมสต์
30 เกิดทันโฆษณายุคหวานใส เช่น ขอเสื้อคืนด้วยค่ะ, อุ๊ยส้มหล่น , จะให้เธอน่ารักน้อยกว่านี้หรือให้ผมกล้ามากกว่านี้ดีนะ, รักเจรักช็อคโกบาร์
31 เกิดทันยุคหนังวัยรุ่น สะแด่วแห้ว กลิ้งไว้ก่อน มีดารานำจำพวก มอส เต๋า โมทย์ จอห์น ดีแลนด์ ศรราม นุ๊ก ต๊ะ ฯลฯ
33 ถ้าแก่มากจะทัน พาเลซ โรม ถ้าแก่ไม่มากนักจะทันไวเบรชั่น ชาร์กกี้ ทอรัส ดิสคัฟเวอรี่
34 สามารถบอกชื่อศิลปินค่ายคีตา ได้มากกว่า 3 คน เช่น อ้อม สุนิสา นีโน่ ฝันดีฝันเด่น เอ็มสุรศักดิ์ แจ็กจิล เคดีรอม ยูโฟ ต่อนันทวัฒน์ พงพัฒน์ ยุ้ย ทีสะเกิ๊ต โก้นฤเบศร์
35 นอกจากสามหนุ่มสามมุมแล้วยังทัน ตะกายดาว คนค้นคน นางฟ้าสีรุ้ง
36 รู้ว่าจะมีการฺ์ตูนโผล่มาเวลา ช่องทีวีมีปัญหา เช่น นกหัวขวาน
37 เคยอยู่ในช่วง ดอลล่าร์ละ 25 บาท ปอนด์ละ 40 (โอ้แม่เจ้า เคยมีในสมัยนั้นจริงๆ)
38 เกิดทัน การดูเลเซอร์ มีร้านให้เช่าดูที่สยามด้วย
39 เกิดทันยุคที่นักร้องแกรมมี่ต้องมีเพลงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในอัลบั้ม
40 รู้ว่าสยามเซ็นเตอร์และชิดลม ไฟไหม้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ช่วงนั้นไม่มีห้างจะเดิน
41 คนข่าวสมัยนั้นที่ดัง คือ สมเกียรติ์ อรุณโรจน์ วิทวัส
42 ยุทธการขยับเหงือก เทปแรกๆ มีเสนาปัญญา เสนากิ๊ก และก็มีเสนาโค้ก อรุณ ติ๊กกลิ่นสี แหม่มสุริวิภา ส่วนโน้ตอุดม หอย ส่วนวิทย์มาทีหลัง
43 เคยรู้ว่าถ้าท่านใดสามารถตอบได้ว่า วันนี้พี่เบิร์ดร้องเพลงกี่เพลง/ ติ๊นาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดกี่ชุด
จะได้รับนาฬิกาคาเรร่าสำหรับสุภาพบุรุษ 1 เรือนและสุภาพสตรี 1 เรือน
สำหรับเงินค่าเข้าประตูในวันนี้ จะนำไปซื้อตู้ยาพร้อมเครื่องเวชภัณฑ์ให้โรงเรียนวัดไผ่อีเห็น
44 ชอบพูดว่าตัวเองยังไม่แก่ แต่ที่แท้เวลาได้ยินเพลงสมัยก่อนจำพวกเจ นูโว ยูเอชที จะยิ้มแป้น
แถมยังชอบไปดูคอนเสิร์ตย้อนยุคทั้งหลาย และชอบไปที่เที่ยวที่เปิดเพลงเก่า
45 เคยคิดว่า โบ-จ๊อยซ์โป๊มาก (สมัยนี้เจอเจอเกิร์ลลี่เบอรี่เข้าไป หึ หึ)
46 ยังไม่มี airport tax
47 ฮิตเสื้อนักศึกษาตัวใหญ่ หรือพอดีๆ ไม่ใช่รัดติ้วเป็นแหนมมัดเหมือนสมัยนี้
48 รู้ว่าซูกัส ทรีบอล์ เคยห่อเป็นแบบท็อฟฟี่ คอร์นพัฟเป็นถาดดึงออกมา ป๊อกกี้แกะกล่องจากด้านบนไม่ใช่ตรงกลางแบบนี้ และยังมี มั้นมัน ทวิสตี้ จิ๊กกะดี้ ริงโก้ กาก้า
49 เคยดูเขาทราย เขาค้อ สามารถ ซึ่งเวลาต่อยแข่ง ถนนโล่งไปหมดไม่มีคนออกจากบ้าน

ที่มา : Forward mail.

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พาคุณแม่มาหาหมอครับ




ที่คลีนิคหมอประยงค์ ถนนขุขันธ์ ศรีสะเกษ