วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ไอซ์แลนด์ จาก มติชน

Heima ผลึกเพลงสงบงาม ในอ้อมกอดของบ้านเกิดคอลัมน์ อาทิตย์เธียเตอร์โดย พล พะยาบ www.aloneagain.bloggang.com
ขณะกำลังตั้งท่าเขียนต้นฉบับสัปดาห์นี้...พาดหัวข่าวหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทำให้ผู้เขียนต้องหยุดอ่านด้วยความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีแง่มุมเกี่ยวเนื่องกับหนังที่ตั้งใจจะเขียนพอดีเนื้อข่าวระบุว่า ไอซ์แลนด์ได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในโลก จากการสำรวจของสถาบันจัดดัชนีความสงบสุขโลก (Global Peace Index) ประจำปี 2008หนังเรื่อง Heima (2007) สะท้อนภาพความสงบสุขดังกล่าวได้อย่างดีอันที่จริง Heima ไม่ใช่หนังธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหนังสารคดีที่มีรูปแบบของหนังคอนเสิร์ต โดยศิลปินหรือวงดนตรีต้นเรื่องคือ ซิเกอร์ รอส (Sigur Ros) วงโพสต์-ร็อคสัญชาติไอซ์แลนดิกความพิเศษลำดับต่อมาคือ หนังคอนเสิร์ตเรื่องนี้ต่างจากหนังคอนเสิร์ตเรื่องอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้เป็นบันทึกการทัวร์แสดงสดเต็มรูปแบบทั่วประเทศหรือรอบโลก แต่เป็นการตระเวนเล่นดนตรีตามชุมชนหรือสถานที่ห่างไกลรอบเกาะไอซ์แลนด์โดยไม่คิดค่าเข้าชมและไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าให้เอิกเกริกภาพวิวทิวทัศน์ ชุมชน และผู้คนจากสถานที่ต่างๆ นี่เองที่แสดงให้เห็นถึงความสุข สงบ และสวยงาม...ที่ปกคลุมทั่วดินแดนน้ำแข็งแห่งยุโรปเหนือ
ขณะที่บทเพลงไหวว้าง-นิ่งลึกของซิเกอร์ รอส ร่วมสะกดผสานความรู้สึกนั้นสนิทแน่นเป็นหนึ่งเดียวหนังกำกับโดย ดีน เดอบลัวส์ นักทำหนังชาวแคนาเดียน เริ่มต้นบทบันทึกในเดือนกรกฎาคม ปี 2006 หลังจากซิเกอร์ รอส เสร็จสิ้นทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกโปรโมตอัลบั้ม Takk… ตั้งแต่นิวซีแลนด์ถึงอเมริกาเหนือ พวกเขาเดินทางกลับบ้านเกิดแล้วใช้เวลา 2 สัปดาห์ ตระเวนเล่นฟรีคอนเสิร์ตโดยเดินทางไปเงียบๆ ตามเมืองเล็กๆ ชายทะเลรอบเกาะไอซ์แลนด์...เป็นที่มาของชื่อหนัง Heima ซึ่งแปลว่า "บ้าน"นัยว่าเป็นการย้อนคืนสู่จุดเริ่มต้นของพวกเขา ไม่ว่าจะในความหมายของสถานที่ หรือหมายถึงความธรรมดาสามัญซึ่งสูญเสียไปหลังจากชื่อเสียงความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วการแสดงสดแบบเรียบง่ายจัดขึ้นใน 6 เมือง ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเวทีกลางเมืองกลางสายหมอก โรงงานปลาเฮอริ่งเก่าในเมืองอุตสาหกรรมประมงที่ถูกปล่อยร้างหลังจากไม่มีปลาในทะเล เวทีทุ่งหญ้าห้อมล้อมด้วยประติมากรรมหุ่นหน้าตาประหลาด ในหอประชุมขนาดเล็ก ร่วมเล่นกับวงดุริยางค์ประจำเมือง กับนักร้องเพลงสวด และเล่นดนตรีอะคูสติคบนที่ราบกลางเทือกเขาเพื่อประท้วงการสร้างเขื่อน (ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนั้นจมอยู่ใต้น้ำแล้ว)
มีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ 2 ครั้ง ในกรุงเรคยาวิก และบนลานโล่งท่ามกลางป่าเขียวในหุบเขาแอสเบอร์กิ แถมด้วยภาพการเล่นดนตรีอย่างเป็นกันเองในหมู่เพื่อนและญาติพี่น้องในร้านอาหารของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งหนังเสนอภาพการแสดงดนตรีโดยแบ่งตามสถานที่ ทั้งที่มีผู้ชมและเล่นกันเองตามลำพัง ถ่ายทอดให้เห็นบรรยากาศอันเงียบสงบ รอยยิ้มประดับบนใบหน้าของผู้คนซึ่งมีทุกเพศวัยตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา จำนวนไม่น้อยอุ้มลูกจูงหลานราวกับมาร่วมในงานรื่นเริงประจำท้องถิ่น ภูมิทัศน์ของเมืองดูร่มเย็น บ้านเรือนสีสันสดใส เห็นเทือกภูโอบล้อมอยู่ไม่ไกล บนยอดเขาปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ พ้นขึ้นไปเป็นท้องฟ้าครึ้มคราม บ้างเป็นสีแดงส้มของพลบค่ำบางครั้งพวกเขาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง รอบทิศไร้สิ่งปลูกสร้าง หนังตัดสลับภาพการแสดงด้วยทัศนียภาพหลากหลายแห่งดินแดนชายทะเล ทั้งที่ราบเวิ้งว้างกว้างใหญ่ เห็นธารน้ำเล็กๆ รินไหล ทะเลสาบนิ่งสงบสะท้องเงา ภูเขาสีเทาทอดยาวสุดสายตา บ้างกางกั้นราวฉากแห่งเวทีธรรมชาติที่รองรับเวทีการแสดงของพวกเขาอีกชั้นหนึ่ง นอกจากองค์ประกอบด้านภาพ ทั้งภาพการแสดง ผู้คน และธรรมชาติซึ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือบทเพลงของซิเกอร์ รอส ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่เสียงร้องแผดหวานล่องลอยของ จอน เบอร์กิสสัน คลอเคล้าด้วยเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีหลากชนิด ทั้งเปียโน ออร์แกน ชุดเครื่องสีประเภทไวโอลิน ชุดเครื่องเป่าที่เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันในบางเพลง รวมไปถึงเสียงกังวานใสของเครื่องเคาะชื่อ "กลอคเค็นสปิล" ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในหลายบทเพลง ท่วงทำนองอ้อยสร้อย-เร่งเร้าสอดผสานเรียบเรียงอย่างลงตัวและสวยงาม ราวถูกสะกดตรึงด้วยความรู้สึกโปร่งเบาดื่มด่ำเมื่อบทเพลงดังกล่าวมาพบกับภาพอันสุขสงบงดงาม ประสบการณ์ทางความรู้สึกอันสุดวิเศษจึงเกิดขึ้นตามมากระทั่งดินแดนน้ำแข็งอันไกลโพ้นค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาอบอุ่นอยู่ในใจเรานี่เอง...หน้า 23

ไม่มีความคิดเห็น: