วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

บาป 7 ประการ จากมติชน

บาป 7 ประการ
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
มี ลูกศิษย์คนหนึ่งมาปรึกษาปัญหาหัวใจที่ได้ฟังแล้วก็ขำ แต่สังเกตจากสีหน้าท่าทางแล้วก็มั่นใจว่าเป็นเรื่องที่กังวลและหนักอกเอาการ อยู่ทีเดียว คือลูกศิษย์เขามาปรึกษาว่าเขาตั้งใจจะเปลี่ยนศาสนาจากที่นับถือศาสนาพุทธ อยู่ทั้งครอบครัวเขาจะไปเข้ารีตเพื่อนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เนื่องจากเขาคิดว่าเขาได้ทำบาปทำกรรมมาไม่น้อยเขากลัวจะตกนรกเนื่องจากทาง ศาสนาพุทธนั้นไม่มีการล้างบาปหรือให้อภัยจากการทำบาปแบบว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งเขาได้รับทราบมาว่าทางศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกที่คนไทยเรียกว่าคริสตัง นั้นมีพระมารับฟังการสารภาพบาปแล้วก็สามารถล้างบาปให้ได้
แต่ปัญหา ของเขาคือทางครอบครัวต่อต้านความคิดนี้อย่างรุนแรงทีเดียวทั้งๆ ที่ทั้งพ่อแม่พี่น้องของเขาเองก็ไม่ค่อยได้ไปวัดเท่าไรเลยนอกจากไปงานเผาศพ สวดศพประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเอง
และก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธศาสนาแต่ประการใด
ผู้ เขียนจึงได้ชี้แจงถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการล้างบาปให้กับลูกศิษย์ผู้มี ทุกข์หนักว่าโดยแท้ที่จริงแล้วบาปของทางศาสนาคริสตังเขาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

1.บาปที่ให้อภัยได้ (Venial sin) ถ้าจะเปรียบกับพระวินัยของพระภิกษุในพุทธศาสนาก็จัดเป็นพวกลหุกาบัติคือการ ล่วงละเมิดข้อห้าม (วินัย) ของพระภิกษุอย่างเบาโทษไม่ร้ายแรงนัก อาทิ ปลงอาบัติคือไปสารภาพกับพระด้วยกันก็ถือว่ายกโทษให้ เช่น เรื่องกินข้าวเย็นหรือดื่มเหล้าหรือว่ายน้ำเล่นหรือหลอกผีพระด้วยกัน ฯลฯ

นอกจาก นี้ยังมีอาบัติที่หนัก เช่น แกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนหรือเป็นพ่อสื่อให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน อย่างนี้ต้องติดคุกพระ กักบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่าอยู่กรรมหรือปริวาสกรรมจึงจะพ้นผิด

2. บาปหนัก (Mortal sin) บาปประเภทนี้ก็เหมือนกับครุกาบัติทางวินัยของพระพุทธศาสนา คือ ประเภทฆ่ามนุษย์ ลักทรัพย์ ร่วมเพศ และอวดคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง อย่างที่เรียกกันว่าปาราชิกสี่นั่นแหละ โทษถึงประหารชีวิตแบบว่าต้องตายตกจากเพศของสมณะไปเลย

ในทางคริสตังก็ คล้ายๆ กันคือการฆ่าคน ลักทรัพย์ เป็นชู้กับเมียเขา ทุบตีพ่อแม่ อะไรที่อยู่ในบัญญัติสิบประการนั่นแหละ คือทำไปแล้วหากโดนคว่ำบาตรด้วยก็ไปนรกเลย

วิญญาณก็ตายไปด้วย

ผู้ เขียนก็เพ้อต่อไปถึงบาป 7 ประการของทางคริสตังอ้างว่ามนุษย์เรานั้นเกิดมาก็มีบาปติดตัวมาด้วยเพราะต้น ตระกูลของมนุษย์ไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าด้วยการลักเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ใน สวนสวรรค์มากินทั้งๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าห้ามแล้วจึงถูกขับไล่จากสวนสวรรค์ เมื่อมีลูกมีเต้าก็มีบาปติดตัวทางสายเลือดแม้จะเข้าพิธีรับศีลจุ่ม (Baptize) แล้วก็ตามมนุษย์ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเบี่ยงเบนไปในทางชั่วได้ 7 ประการคือ

1.หมกมุ่นในทางเพศ (Lust)

2.ตะกละ (Gluttony)

3.โลภ (greed)

4.เกียจคร้าน (laziness)

5.โกรธ (wrath)

6.อิจฉา (envy)

7.ยโสโอหัง (Vanity/pride)

การที่จะต่อต้านกับบาป 7 ประการนี้ ทางคริสตังก็ได้มีบุญ 7 ประการมากำราบ คือ

1.ถือพรหมจรรย์ (Chastity) แบบว่าเอาหนามบ่งหนามเลย

2.ยับยั้งชั่งใจ (Temperance) แบบว่ามีสติยับยั้งในการกินการดื่มไม่ให้มากเกินไป

3.บริจาค (Liberality) การบริจาคนั้นยิ่งกว่าการให้ทานเพราะเป็นการขัดเกลาความโลภของผู้ให้ด้วย

4.ขยัน (Diligence) แทนที่ความเกียจคร้าน

5.อดทน (Patience) แบบว่านับหนึ่งถึงสิบให้ทุเลาความโกรธลงได้

6.เมตตา (Kindness) แทนที่อิจฉา

7.อ่อนน้อม (Humility) แทนที่ความยโสโอหัง

ผู้เขียนก็เลยพูดว่าความจริงทางพระพุทธศาสนาก็มีของคู่กันคือ เบญจศีลกับ เบญจธรรม คือ

1.ห้ามฆ่าสัตว์ คู่กับ 1.เมตตา กรุณา

2.ห้ามลักทรัพย์ คู่กับ 2.หาเลี้ยงชีพโดยสุจริต

3.ห้ามประพฤติผิดในกาม คู่กับ 3.สำรวมในกาม

4.ห้ามพูดโกหก คู่กับ 4.มีสัตย์

5.ห้ามเสพสิ่งมึนเมา คู่กับ 5.มีสติรอบคอบ

ผู้เขียนสังเกตดูว่าลูกศิษย์ออกจะงงๆ เลยถามว่าเป็นยังไง? เขาก็บอกว่า

"อาจารย์พูดอะไร ผมไม่รู้เรื่องเลย"

ผู้ เขียนจึงสรุปได้ว่าลูกศิษย์ผู้นี้ไม่มีความรู้ทางศาสนาใดๆ เลย หากแต่ได้ยินได้ฟังมาแบบขาดๆ วิ่นๆ ผิวเผินเหลือเกิน แต่เป็นคนออกจะวิตกจริตมากไปหน่อย

ผู้เขียนจึงให้ยืมหนังสือศาสนา สากลไปอ่านมาก่อนแล้วบอกว่าค่อยมาพูดกันใหม่อีกทีหนึ่ง ตอนนี้ก็ต้องทำใจให้สงบค่อยๆ เรียนรู้ไปก่อน แล้วจึงค่อยคิด ค่อยตัดสินใจกันอีกทีหนึ่งก็ยังไม่สายจนเกินไป

ไม่มีความคิดเห็น: